Saturday, November 17, 2018

การกวนเกษียรสมุทร ตอนนางอัปสร


ที่มา:http://www.ch3thailand.com/news/scoop/14034
                กลับมาพบกันอีกครั้งนะคะ สำหรับวันนี้ฝนไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักเหมือนเช่นเคย แต่อย่าพึ่งเสียใจไปนะคะ เพราะถึงจะไม่มีสถานที่ท่องเที่ยวแต่วันนี้ฝนก็นำสาระดีๆมาฝาก ที่อาจทำให้การเดินทางท่องเที่ยวในครั้งหน้าของทุกคนมีความน่าสนใจและสนุกมากยิ่งขึ้นค่ะ
               หากพูดถึงนางฟ้าในอุดมคติของทุกคนจะเป็นอย่างไรกันบ้างคะ จะต้องผมยาว ใบหน้าเรียว ริมฝีปากเป็นกระจับ หุ่นผอมเพรียว ผิวขาว หรือเปล่า แต่ถ้าอยู่ที่กัมพูชาตามปราสาทต่างๆในเสียมเรียบแล้วล่ะก็ คงหนีไม่พ้น "นางอัปสร"  ซึ่งถือว่าเป็นดั่งนางฟ้านางสวรรค์ของคนสมัยนั้น แล้วทำไมนางอัปสรถึงเปรียบเสมือนนางฟ้าของผู้คนที่นี่ มีประวัติความเป็นมาและหน้าตาเป็นอย่างไร ไม่รอช้าค่ะ ไปรับชมสาระดีๆของวันนี้กันเลยยย Let's go!!!

ที่มา:https://www.bloggang.com/mainblog.php
               ประวัติความเป็นมา
             
               นางอัปสร มาจากภาษาสันสกฤต โดยคำว่า "อัป" หมายถึง น้ำ ส่วนคำว่า "สร" หมายถึง การเคลื่อนไป รวมกันแล้วหมายถึงการเคลื่อนไปของน้ำ ซึ่งเป็นที่มาหรือต้นกำเนิดของนางอัปสร ที่ได้เกิดมาจากพิธีกวนเกษียรสมุทร ซึ่งถือเป็นพิธีกรรมที่ยิ่งใหญ่ของเหล่าเทพ เทวดา และอสูร ร่วมมือกันทำพิธี เพราะหวังของวิเศษที่จะเกิดขึ้นในพิธีกรรมนี้โดยเฉพาะ "น้ำอมฤต" ที่หากผู้ใดได้ดื่มก็จะกลายเป็นอมตะ และนอกจากนี้ยังเกิดของวิเศษและสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นอีกหลายอย่าง ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ "นางอัปสร" นี้นี่เอง

พระนางลักษมี

                โดยมีตำนานกล่าวไว้ว่า หลังจากเสร็จพิธีมีนางอัปสรเกิดขึ้นมาถึง 35 ล้านองค์ แต่ด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม ไม่มีเทวดา เทพ อสูร องค์ใด รับนางอัปสรไว้เป็นชายาประจำตัวสักองค์ ปล่อยให้นางลอยอยู่บนสวรรค์เรื่อยๆ แต่ก็ไม่ได้มีอิสระมากขนาดนั้น เพราะต้องเป็นเสมือนนางสนมคอยบำเรอเหล่าเทพเทวดา อีกทั้งยังถูกใช้ให้ไปปฏิบัติงานในโลกมนุษย์ เนื่องจากนางอัปสรเป็นนางสวรรค์กลุ่มหนึ่งที่มีความสวยงามมาก จึงให้ไปก่อกวนฤาษีที่บำเพ็ญเพียรมานานแล้วคิดว่ามีพลังมากกว่าเทวดาให้ตบะแตก เสร็จแล้วจึงกลับขึ้นสวรรค์ แต่นางอัปสรบางองค์ก็โดนฤาษีสาปแช่งให้มีอันเป็นไป เช่น นางอัปสรที่ชื่อว่า นางรัมภา(มีความเชื่อกันว่าเป็นนางอัปสรที่สวยที่สุด) ถูกสาปให้กลายเป็นหินถึง 10,000 ปี
                แต่มีอีกหนึ่งตำนานได้กล่าวไว้ว่า "พระนางลักษมี" ก็เป็นนางอัปสรอีกองค์หนึ่งเพราะนางอัปสรที่เกิดขึ้นมาจากพิธีกวนเกษียรสมุทรครั้งนี้ได้มีพระนางลักษมีเกิดขึ้นมาด้วย ทั้งยังมีรูปร่างหน้าตาที่สวยดั่งนางสวรรค์เช่นเดียวกับนางอัปสร แต่พระนางลักษมีเป็นเพียงองค์เดียวเท่านั้นที่มีผู้นำไปเป็นชายาประจำตัว ซึ่งได้เป็นถึงชายาของพระวิษณุหรือพระนารายณ์นั่นเอง

ที่มา:https://www.silpa-mag.com/club/art-and-culture/article_18809
                รูปลักษณะ

                นางอัปสร ถือได้ว่าเป็นนางฟ้าบนสวรรค์ ที่มีรูปร่างและใบหน้าที่งดงาม เชื่อกันว่าแต่ละองค์มีการแต่งกายและใบหน้าที่ไม่ซ้ำกันเลย ประดับไปด้วยเครื่องถนิมพิมพาภรณ์(เครื่องแต่งกาย)เหลือเพียงช่วงตัวที่มีการเปลือยหน้าอกทุกองค์ (โดยนักโบราณคดีกล่าวว่าเป็นการแกะสลักเลียนแบบการแต่งกายของคนสมัยนั้น) อีกทั้งนางอัปสรยังมีความสามารถในการร้องรำทำเพลง และยังสามารถแปลงกายได้อีกด้วย


                งานศิลปะ

                งานศิลปะรูปนางอัปสร สามารถพบได้ที่ปราสาทของเขมร โดยเฉพาะที่เมืองเสียบเรียบ ที่มีปราสาทแกะสลักรูปนางอัปสรไว้อย่างมากมายและสวยงาม ซึ่งส่วนมากจะเป็นงานประติมากรรมสลักนูนสูง โดยจะยกตัวอย่างงานศิลปะเกี่ยวกับนางอัปสร ดังต่อไปนี้

                1.ปราสาทนครวัด

ที่มา:https://www.saulbellow.org/อันดับที่-10-ปราสาทนครวัด/

                นางอัปสรที่นครวัดนี้มีทั้งยืนเดี่ยว จับคู่และยืนจับกลุ่มกัน มีลีลาท่าทางและเครื่องศิราภรณ์ไม่ซ้ำกันเลย ซึ่งปราสาทนครวัดแห่งนี้ได้มีการสลักภาพนางอัปสรมากถึง 1,635 องค์เลยทีเดียว

ที่มา:http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/sculptureth/กัมพูชา
                โดยนางอัปสรที่สลักอยู่บนผนัง มีพระพักตร์สี่เหลี่ยมทรงกระบังหน้า ด้านบนมีศิราภรณ์ประดับด้วยช่อดอกไม้ 3 แถว ตุ้มหูเป็นพู่ห้อยขนาดใหญ่ มือซ้ายยกขึ้นถือพานดอกไม้ ทรงผ้านุ่งยาว มีชายผ้าพาดข้อขาขวาซึ่งเป็นชายผ้ารูปสามเหลี่ยมทับซ้อนกัน ส่วนทางซ้ายมีชายผ้ารูปสามเหลี่ยมชักออกมายาวจรดพื้น ทรงเข็มขัดเป็นแผงขนาดใหญ่ประดับพู่ห้อยโดยรอบ อีกทั้งการยืนก็หันเท้าไปในทิศทางเดียวกันหมดเหมือนงานจิตรกรรมของอียิปต์
                นอกจากนี้ ปราสาทนครวัดยังมีการแกะสลักภาพนางอัปสรอีกหลายรูปแบบ เช่น
  • นางอัปสรยิ้มเห็นฟัน อยู่แถวซุ้มประตูชั้นแรกก่อนถึงตัวปราสาท ที่ถือเป็น 1 ใน 2 ของนางอัปสราทั้งหมดที่บนใบหน้ามีรอยยิ้มเห็นฟัน
  • นางอัปสรผ้าหลุด มีอยู่หลายองค์รอบๆตัวปราสาท ซึ่งต้องสังเกตกันดีๆจึงจะเห็น
  • นางอัปสรสุดอึ๋ม เมื่อขึ้นไปบนปรางค์ประธานฝั่งขวา ต้องมองขึ้นไปด้านบนจะเห็นนางอัปสรที่มีลักษณะอวบอึ๋มกว่าบรรดานางอัปสรทั้งหมด
  • นางอัปสรตะปุ่มตะป่ำ มีอยู่บางซอกบางมุมในตัวปราสาท เชื่อกันว่าที่เป็นเช่นนี้ เพราะช่างสมัยนั้นคงยังแกะสลักไม่เสร็จ
  • นางอัปสรลิ้น 2 แฉก อยู่บริเวณองค์ประธาน


นางอัปสรยิ้มเห็นฟัน


                2.ปราสาทบันทายศรี

ที่มา:https://www.tnamcot.com/view/5b4eafd3e3f8e4f6018621e8
ที่มา:http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/sculptureth/กัมพูชา/item/490-นางอัปสรปราสาทบันทายศรี.html

                นางอัปสรเกล้ามวยผมไปด้านหลัง เปลือยกายท่อนบนไม่สวมเสื้อ สวมเครื่องประดับ นุ่งผ้านุ่งยาวเรียบไม่มีริ้ว มีการชักชายผ้าออกมาตรงขอบผ้านุ่ง รวมถึงปรากฎเส้นริ้วตรงกลางผ้านุ่งคล้ายจีบนางในสมัยก่อนเมืองพระนคร แต่มีลักษณะลายแบบชายผ้าหางปลาทวารบาลอยู่ภายในซุ้มเรือนแก้ว เป็นซุ้มคดโค้งตามแบบศิลปะบันทายศรี

                3.ปราสาทตาพรหม

ที่มา:https://blog.bangkokair.com/เที่ยว-เมืองเสียมเรียบ-ด/
ที่มา:http://www.sac.or.th/databases/seaarts
                นางอัปสรที่สลักอยู่บนผนัง มีพระพักต์สี่เหลี่ยม พระพักต์เป็นแบบศิลปะบายน นั่นคือ หลับตาและมีรอยยิ้มที่มุมปากเล็กน้อย ผมทรงกระบังหน้า ด้านบนมีศิราภรณ์ประดับด้วยช่อดอกไม้ 3 แถว ตุ้มหูเป็นพู่ห้อยขนาดใหญ่ มือซ้ายยกขึ้นถือดอกไม้ ใส่ผ้านุ่งยาว ด้านข้างผ้าานุ่งทั้ง 2 ด้านมีชายผ้ารูปสามเหลี่ยมคล้ายหางปลา ชักออกมายาวจรดพื้น ใส่เข็มขัดเป็นแผงขนาดใหญ่ ประดับด้วยพู่ห้อยโดยรอบ

                4.ปราสาทบายน
ที่มา:http://worldcivil14.blogspot.com/2016/12/blog-post_83.html
ที่มา:http://www.adirexphotogallery.com
                นางอัปสรที่บายนจะมีความแตกต่างจากนครวัด สังเกตจากเครื่องประดับและการนุ่งผ้าที่ย่นลงมาด้านหน้า มีขอบผ้านุ่งออกมาเล็กน้อยรอบสะโพกและไม่มีริ้ว อีกทั้งจำนวนนางอัปสรที่บายนมีค่อนข้างน้อย แต่เป็นนางอัปสรที่มีใบหน้าสวยงามมีรอยยิ้มที่ดูอ่อนหวาน ราวกับยังมีชีวิตอยู่

                จะเห็นได้ว่ามีนางอัปสรจำนวนมากนับพันๆองค์ แต่นางอัปสรแต่ละองค์ไม่ได้มีประวัติความเป็นมาแสดงให้เห็น มีเพียงลักษณะนางอัปสรที่มีการสลักไว้ ซึ่งมีรูปลักษณ์ที่แตกต่างกันออกไปเยอะแยะมากมาย ตามปราสาทของเขมรเป็นส่วนใหญ่นั่นเอง

               เป็นยังไงกันบ้างคะกับสาระดีๆที่ฝนนำมาฝากทุกคนในวันนี้ เห็นถึงความงดงามของนางอัปสรแต่ละที่กันแล้วใช่ไหมคะ โดยลักษณะของนางอัปสรนี้ก็เป็นเพียงนางในอุดมคติที่แตกต่างกันไปตามช่างที่แกะสลัก แล้วนางอัปสรในความคิดของทุกคนเป็นแบบไหนกันคะ

และสำหรับวันนี้ฝนก็ต้องขอตัวลากันไปอีกแล้ว พบกันใหม่ในครั้งหน้า ฝนจะนำข้อมูลสาระดีๆอะไรมานำเสนออีกนั้น ฝากติดตามด้วยนะคะ



อ้างอิง

พล อิฏฐารมณ์. (2560). "นางอัปสร"โสเภณีแห่งสรวงสวรรค์. สืบค้นเมื่อ 14 พฤศจิกายน 2561. จากhttps://www.silpa-mag.com/club/miscellaneous/article_4267

รศ.ดร.เชษฐ์ ติงสัญชลี. (ม.ป.ป). นางอัปสร ปราสาทตาพรหม. สืบค้นเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2561. จากhttp://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/sculptureth/กัมพูชา/item/507-นางอัปสรปราสาทตาพรหม.html  

รศ.ดร.เชษฐ์ ติงสัญชลี. (ม.ป.ป). นางอัปสร ปราสาทบันทายศรี. สืบค้นเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2561. จากhttp://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/sculptureth/กัมพูชา/item/490-นางอัปสรปราสาทบันทายศรี.html

รศ.ดร.เชษฐ์ ติงสัญชลี. (ม.ป.ป). นางอัปสร ปราสาทนครวัด. สืบค้นเมื่อ 15 พฤศจิกายน 2561. จาก
www.sac.or.th/databases/seaarts/th/sculptureth/กัมพูชา/item/499-นางอัปสรปราสาทนครวัด.html

วิกิพีเดีย สาราณุกรมเสรี. (2561). เกษียรสมุทร. สืบค้นเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2561. จากhttps://th.wikipedia.org/wiki/เกษียรสมุทร

วิกิพีเดีย สาราณุกรมเสรี. (2561). อัปสร. สืบค้นเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2561. จากhttps://th.wikipedia.org/wiki/อัปสร

อาจารย์เศรษฐมันตร์ กาญจนกุล. (2548). นางอัปสร. พิมพ์ครั้งที่ 1. กรุงเทพฯ:บริษัท บุ๊คไทม์จำกัด

CH3. (2561). เปิดตำนาน"กวนเกษียรสมุทร". สืบค้นเมื่อ 16 พฤศจิกายน 2561. จากhttp://www.ch3thailand.com/news/scoop/14034



Sunday, October 21, 2018

มนต์เสน่ห์ที่ซ่อนเร้นบนใบหน้าของ "ปราสาทบายน"

ที่มา:https://pantip.com/topic/30432009
              สวัสดีค่ะ กลับมาพบกันอีกเช่นเคยนะคะ วันนี้ฝนก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกที่หนึ่งมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักกันค่ะ ทุกคนเคยยิ้มกันไหมคะ แล้วยิ้มแบบไหนกันบ้าง คงจะสงสัยกันแล้วใช่ไหมคะว่าฝนทำไมถึงถามแบบนี้ ไม่พูดพร่ำทำเพลงมากมายค่ะ เพราะสถานที่ที่ฝนจะนำมาแนะนำให้ทุกคนได้รู้จักในครั้งนี้ เป็นทีที่มีใบหน้ารูปคนมากมาย และมีรอยยิ้มที่เหมือนกับซ่อนเร้นความหมายบางอย่างเอาไว้ ได้ยินกันอย่างนี้พอจะเดากันได้หรือยังคะว่าเป็นที่ไหน ถ้ายังไม่รู้ ไม่รอช้าค่ะ ไปดูกันเลยยย Let's go!


ที่มา:http://worldcivil14.blogspot.com/2016/12/blog-post_83.html
                ปราสาทบายน เป็นปราสาทหินที่ตั้งอยู่ในบริเวณใจกลางนครธม เมืองเรียบ ประเทศกัมพูชา มีความสวยงามและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว นั่นเป็นเพราะปราสาทแห่งนี้เป็นการแกะสลักรูปใบหน้าคนบนแต่ละยอดจำนวนมาก ถือเป็นสถานทีสักศิทธิ์ที่สุดในช่วงสมัยที่เป็นอาณาจักรขอม เพราะเป็นศาสนสถานของศาสนาพุทธ นิกายมหายาน ซึ่งหากทุกคนได้มีโอกาสมาเยี่ยมชมปราสาทแห่งนี้ ทุกคนจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์อันซ่อนเร้นอยู่บนใบหน้าคนที่กำลังจับจ้องผู้คนที่อยู่รอบๆตัวปราสาทแห่งนี้อีกด้วย

ที่มา:https://pantip.com/topic/30432009
                ปราสาทบายนแห่งนี้สร้างขึ้นเป็นปราสาทหลวงในสมัยของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงรูปแบบศิลปะครั้งใหญ่ที่มีการสร้างลักษณะแตกต่างจากที่อื่นๆ ซึ่งเป็นเพราะพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ท่านทรงศรัทธาในศาสนาพุทธ นิกายมหายาน โดยต่างจากกษัตริย์องค์อื่นๆที่ต่างก็นับถือศาสนาพรหมณ์-ฮินดู ที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน


หอสูง รูปหน้าบริเวณศูนย์กลางของปราสาทหินบายน
ใจกลางปราสาทบายนที่มีจำนาวนหน้ามากกว่าบริเวณอื่นๆ

รูปสลักนูนต่ำหินทราย นางอัปสรร่ายรำ

                ซึ่งปราสาทบายนแห่งนี้ สร้างโดยการนำหินมาวางทับซ้อนกัน กลายเป็นปราสาทขนาดใหญ่อีกแห่งหนึ่งแต่ไม่ใหญ่เท่านครวัด ซึ่งภายในปราสาทหลังนี้มียอดปราสาททั้งหมด 54 ปรางค์ แต่ละปรางค์สลักรูปใบหน้าคนจำนวน 4 หน้า ซึ่งหากรวมทั้งหมดแล้วจะมีถึง 216 หน้าเลยทีเดียว อีกทั้งรอบๆตัวปราสาทจะแบ่งออกเป็น 3 ชั้นด้วยกัน ดังนี้
1.ระเบียงคตชั้นนอก
2.ระเบียงคตชั้นใน
3.ด้านบนสุดเป็นชั้นของปรางค์ประธานและปรางค์บริวาร

และภาพใบหน้าเหล่านี้ยังถูกเรียกกันโดยนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมปราสาทหลังนี้ว่า "รอยยิ้มแบบบายน" นอกจากนี้ยังมีรูปสลักนูนต่ำจากหินทรายรูปนางอัปสรที่มีความสวยงามมากอีกด้วย




ภาพโดย ฑิตยา ไชยศรีหา

                การเดินทาง : ซึ่งการเดินทางในแบบ Backpacking in Southeast Asia ของฝนจะพาทุกคนเริ่มเดินทางจากกรุงเทพฯ-ปราสาทบายน ประเทศกัมพูชา ได้ดังต่อไปนี้
1.ขึ้นรถทัวร์หน้าเดอะมอลล์บางกะปิ จะมีรถสายที่พาเราไปยังด่านตรวจคนเข้าเมือง ราคา 400 บาท แต่เมื่อไปถึงสามารถรอเช็คชื่อรับเงินคืน 300 บาท ถือว่าครั้งนี้เราเดินทางมายังด่านเพียง 100 บาท แถมมีบุฟเฟต์ให้กินอีกด้วย คุ้มสุดๆ แต่เสียอย่างเดียวที่ต้องรอเช็คชื่อ 2 ชม.
2.จากนั้นก็หาแท็กซี่เพื่อไปยังตัวเมืองเสียมเรียบกันค่ะ โดยราคาก็จะประมาณ 1000-1500 บาท (อยู่ที่ความสามารถในการต่อรองนะคะ)

               ราคาเข้าชม : อยู่ที่ประมาณ 32 US หรือประมาณ 1200 บาท แต่สามารถเข้าชมปราสาทในระแวกเดียวกันได้ด้วย อย่างเช่น ปราสาทนครวัด เป็นต้น


ที่มา:https://pantip.com/topic/31334855

               เป็นยังไงกันบ้างคะกับมนต์เสน่ห์ที่ซ่อนเร้นบนใบหน้าของ "ปราสาทบายน" ที่สวยงามปนขนลุกกับใบหน้าคนมากมายที่จับจ้องผู้คนที่มาเยี่ยมเยือนรอบๆตัวปราสาท เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีรูปแบบศิลปะที่แตกต่างจากปราสาทหลังอื่นๆอีกที่หนึ่งที่ควรค่าแก่การมาสัมผัสบรรยากาศ ซึ่งฝนเองก็ได้มีโอกาสมาสัมผัสมนต์เสน่ห์ของปราสาทแห่งนี้แล้วขอรับรองว่าทุกคนจะไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะที่ได้มา และควรค่าแก่การมาท่องเที่ยวสักครั้งในชีวิตจริงๆค่ะ

ขอบคุณข้อมูล
อ้างอิง

นครธม:ปราสาทบายน. (2561). โอเซี่ยนสไมล์. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2561. จากhttp://www.oceansmile.com/KHM/AngkorTom.htm

ปราสาทบายน. (2561). วิกิพีเดีย สาราณุกรมเสรี. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2561. จากhttps://th.wikipedia.org/wiki/ปราสาทบายน

ปราสาทบายน. (2560). HUMENEXCELLENCE.  สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2561. จากhttp://huexonline.com/knowledge/26/180/

รศ.ดร. เชษฐ์ ติงสัญชลี. (ม.ป.ป). ปราสาทบายน. สืบค้นเมื่อ 20 ตุลาคม 2561. จากhttp://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/architectureth/กัมพูชา/item/140-ปราสาทบายน.html




Thursday, October 4, 2018

วัดเชียงทอง (Wat Xieng Thong)



ที่มา:https://www.siamtravel.co.th/td/976/
                เมื่อไม่นานมานี้เอง ฝนได้มีโอกาสดูภาพยนตร์เรื่อง"สะบายดี หลวงพระบาง" ที่แสดงถึงวิถีชีวิต วัฒนธรรมของผู้คนในหลวงพระบางของประเทศลาว ที่มีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย ผู้คนใจดีและเป็นกันเอง ไม่ต่างจากบ้านเรามากนัก และที่สำคัญที่มีเหมือนกับบ้านเรานั่นคือศาสนา ซึ่งส่วนใหญ่จะนับถือศาสนาพุทธนิกายเถรวาทเช่นกัน และด้วยเหตุนี้เองจึงมีศาสนสถานที่สำคัญและสวยงามมากมาย เป็นอีกประเทศหนึ่งที่มีความน่าสนใจ น่าท่องเที่ยวและสามารถเรียนรู้วิถีชีวิตของผู้คนไปพร้อมๆกันได้อีกด้วย และวันนี้ฝนจะพาทุกคนไปที่ไหนนั้น ไม่รอช้าค่ะ ไปดูกันเลย!

ที่มา:https://m.mgronline.com/travel/app-detail/9580000111923
                วัดเชียงทอง (Wat Xieng Thong) ตั้งอยู่ใกล้กับแม่น้ำโขง ในแขวงหลวงพระบาง ประเทศลาว สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2103 โดยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราช ถือเป็นวัดที่สำคัญเพียงวัดเดียวที่ไม่ถูกเผ่าทำลายในศึกฮ่อธงดำบุกปล้นหลวงพระบาง เมื่อปี พ.ศ. 2428 อีกทั้งยังเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างที่สวยงามมาก นักโบราณคดีจึงยกย่องให้เป็นสุดยอดแห่งสถาปัตยกรรมล้านช้างที่สวยที่สุดในดินแดนลาว และถูกขนานนามว่าเป็น "อัญมณีของศิลปะล้านช้าง" อีกด้วย


ที่มา:http://www.aumlucktour.com/sub2content.asp?id=16151
ความเป็นมา เมื่อปี พ.ศ. 2042 ราชวงศ์มังรายแห่งอาณาจักรล้านนาไม่มีกษัตริย์ครองราชย์ พระนางจิระประภา พระมเหสีจากเมืองเกษเกล้า จึงได้ทำหน้าที่ขึ้นครองราชย์เป็นกษัตริย์หญิงให้กับเมืองล้านนา แต่ไม่นานเมืองก็เกิดปัญหา ทั้งยังถูกอาณาจักรรอบข้างเข้ามาบุกรุก พระนางจึงสานสัมพันธไมตรีกับอาณาจักรอยุธยาและอาณาจักรล้านช้าง จากนั้นพระนางก็สละบัลลังค์เมื่อครองราชได้เพียง 1 ปีเท่านั้น และได้เชิญพระไชยเชษฐาธิราชจากเมืองหลวงพระบางแห่งอาณาจักรล้านช้างมาปกครองแทนตนเพราะเห็นว่าเป็นหลานชายและมีสายเลือดของล้านนาเช่นกัน แต่พระไชยเชษฐาธิราชก็ครองราชย์ได้เพียง 1 ปีเท่านั้น เพราะพระราชบิดาเกิดสวรรคตกระทันหันจึงต้องกลับไปครองราชย์ที่เมืองของตน พระองค์จึงได้อัญเชิญพระแก้วมรกตกับพระพุทธสิหิงค์จากอาณาจักรล้านนาไปยังอาณาจักรล้านช้างด้วย หลังจากนั้นพระองค์ก็เริ่มสร้าง "วัดเชียงทอง" แห่งนี้ขึ้นในใจกลางเมืองหลวงพระบางนั่นเอง

ที่มา:http://laos-travel.blogspot.com/2013/09/blog-post_13.html
                ด้วยความงดงามของศิลปะแบบล้านช้างที่ถูกกล่าวขานกันมาอย่างยาวนานนี่เอง ทำให้วัดเชียงทองแห่งนี้ได้รับความสนใจจากนักท่องเที่ยวนานาประเทศที่ต่างก็อยากที่จะมาชื่นชมกับความงามของอัญมณีแห่งนี้ ถือเป็นไฮไลท์อย่างหนึ่งสำหรับคนที่มาเที่ยวที่หลวงพระบางเลยก็ว่าได้ค่ะ

                แต่ทุกคนคงจะสงสัยกันใช่ไหมคะว่าวัดเชียงทองแห่งนี้จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้าง มีรูปแบบศิลปะและความหมายต่างจากวัดอื่นยังไง วันนี้เราจะได้มาทำความรู้จักกับวัดเชียงทองกันให้มากขึ้นค่ะ และก็ถึงเวลาอันสมควรแล้ว เรามาเริ่มรับชมความงามของวัดเชียงทองกันเลยดีกว่าค่ะ

ที่มา:http://thaifootprint.com/2017/01/31/วัดเชียงทอง-ประดิษฐานพร/

                เริ่มจากตัวอุโบสถของวัดเชียงทองนี้สร้างเป็นหลังคา 3 ชั้น ซึ่งเปรียบเสมือนเป็นนรก โลกมนุษย์ และสวรรค์ และยังมีรูปทรงของหลังคาที่โค้งสวยเหมือนหางนกยูงโดยสื่อความหมายถึงสันติสุขนั่นเอง

ที่มา:http://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/architectureth

                และถัดมาที่อยู่ด้านบนสุดตรงกลางของหลังคาเรียกว่า "ช่อฟ้า" หรือเขาพระสุเมรุจำลอง มีทั้งหมด 17 ช่อ ซึ่งหมายถึง "สิม" หรืออุโบสถที่พระมหากษัตริย์ทรงสร้างขึ้น มีความเชื่อกันว่าบริเวณสี่เหลี่ยมเล็กๆบนช่อฟ้าสร้างขึ้นเพื่อเก็บของมีค่า แต่ปัจจุบันนี้เหลือเพียงช่องว่างเปล่าให้เราได้เห็น แต่สิมนี้ก็ถือเป็นสิมที่สมบูรณ์แบบและได้รับยกย่องมากที่สุด

ที่มา:https://m.mgronline.com/travel/app-detail/9580000111923


ที่มา:https://m.mgronline.com/travel/app-detail/9580000111923

               เมื่อเข้ามายังด้านในจะมีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่ นั่นคือพระประธานที่มีชื่อว่า "พระองค์หลวง" ผนังภายในก็มีการเขียนลวดลายตกแต่งอย่างสวยงาม เล่าถึงทศชาติชาดก พุทธประวัติพระสุธน-มโนราห์ และภาพเล่าเรื่องนิทานเพื่อนบ้านต่างๆ

ที่มา:https://m.mgronline.com/travel/app-detail/9580000111923
                 ต่อมาตรงบริเวณด้านหลังผนังของอุโบสถก็มีการตกแต่งลวดลายด้วยกระจกสีเป็นรูปต้นโพธิ์อย่างสวยงาม และหากบริเวณนี้ถูกแสงแดดยามบ่ายสาดส่องเข้ามาล่ะก็จะมีความสวยงามมากๆค่ะ

หอพระพุทธไสยาสน์
พระพุทธไสยาสน์

หอพระม่าน


ผนังด้านข้างของหอพระม่าน
             
พระม่าน

                มาต่อด้วยบริเวณด้านหลังและด้านข้างของอุโบสถจะมีวิหาร 2 หลัง ซึ่งผนังด้านนอกของวิหารแต่ละหลังจะมีการตกแต่งลวดลายด้วยกระจกสีชิ้นเล็กๆบนผนังที่มีสีชมพู เล่าถึงเรื่องราวคติสอนใจจากนิทานพื้นบ้านและวิถีชีวิตของผู้คนในหลวงพระบาง 
               ➤วิหารที่อยู่ด้านข้างอุโบสถนี้เรียกว่า "วิหารแดง" อีกทั้งภายในยังประดิษฐานพระพุทธรูปปางไสยาสน์จึงมีอีกหนึ่งชื่อเรียกว่า "หอพระพุทธไสยาสน์"
               ➤วิหารที่อยู่ด้านหลังอุโบสถนี้เรียกว่า "หอพระม่าน" เพราะภายในมีการประดิษฐานพระม่านที่ผู้คนที่นี่นับถือและกราบไหว้ขอพร ซึ่งมีลักษณะคล้ายพระบาง จนผู้คนชอบเข้าใจผิดคิดว่าเป็นองค์เดียวกัน


ที่มา:https://pantip.com/topic/34930667
ที่มา:https://pantip.com/topic/34930667
ที่มา:http://thaifootprint.com/2017/01/31/วัดเชียงทอง-ประดิษฐานพร
                ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ ในบริเวณวัดเชียงทองแห่งนี้เมื่อเราเดินเข้าไปด้านใน ต้องสะดุดตากับอาคารทรงโบราณขนาดใหญ่ที่มีสีทองและแกะสลักลวดลายอย่างสวยงาม ซึ่งคนลาวเรียกกันว่า "โรงเมี้ยนโกศ" เป็นที่เก็บพระโกศและราชรถของพระเจ้ามหาชีวิตสีสว่างวัฒนา ซึ่งด้านในตรงกลางของโรงเมี้ยนโกศเป็นที่ตั้งของราชรถไม้แกะสลักปิดทองคำเปลวรอบคัน ประกอบด้วยพระโกศ 3 องค์ ตรงกลางเป็นโกศองค์ใหญ่ ซึ่งมีความสวยงามมากๆค่ะ

                เป็นยังไงกันบ้างคะกับวัดเชียงทองแห่งนี้ มีความงดงามและประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจมากๆเลยใช่ไหมคะ และถ้าหากใครที่สนใจอยากจะมาเที่ยวที่นี่ล่ะก็ ฝนแนะนำให้มาช่วงวันบุญขึ้นปีใหม่ของลาว(ช่วงวันสงกรานต์) จะมีการอัญเชิญ "พระม่าน" ลงมาให้เราสรงน้ำและกราบไหว้ขอพรด้วยค่ะ เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบพุทธศาสนิกชนอย่างเราชาวพุทธจริงๆค่ะ

ที่มา:http://oknation.nationtv.tv/blog/chartsiam/2014/08/19/entry-1
ที่มา:http://oknation.nationtv.tv/blog/chartsiam/2014/08/19/entry-1
                แต่หากใครไม่ได้มีโอกาสมาช่วงเทศกาลก็ไม่ต้องเสียใจไปนะคะ เพราะทุกๆเช้าของที่นี่จะมีการตักบาตรข้าวเหนียว เป็นวิถีชีวิตยามเช้าของผู้คนในหลวงพระบางที่เราสามารถดื่มด่ำบรรยากาศกลิ่นอายวัฒนธรรมของคนที่นี่ได้ทุกวันเช่นกันค่ะ

เวลาเปิด-ปิด: 06.00 a.m. - 05.00 p.m.

อัตราค่าเข้า : 20,000 กีบ (ประมาณ 80 บาท)

วิธีการเดินทาง: ซึ่งถือว่าสามารถเดินทางได้หลากหลายวิธีและง่ายมากๆสำหรับนักท่องเที่ยวอย่างไทยเราสามารถได้ทั้งรถส่วนตัว รถไฟ รถโดยสาร และเครื่องบิน แต่!! การเดินทางของฝนจะเป็นแบบ Backpacking in Southeas Asia เราจะต้องไปพร้อมกับการดื่มดำธรรมชาติบรรยากาศข้างทางนั่นก็คือการ นั่งรถไฟไปนั่นเองค่าา ไปดูวิธีการไปกันเลยย

ที่มา:http://www.louangprabang.net/content.asp?id=127

           ขั้นที่ 1 ขึ้นรถไฟจากหัวลำโพงขบวนที่69 สายกรุงเทพ-หนองคาย ซึ่งรถออกเดินทางจากกรุงเทพตั้งแต่ 20.00 น. และไปถึงสถานีหนองคายเวลา 08.25 น. ราคาค่าตั๋วมีตั้งแต่ 150-800 บาท(แล้วแต่ที่นั่งที่เราเลือก)
          ขั้นที่ 2 จ้างรถรับจ้างจากสถานีรถไฟหนองคายให้มาส่งที่ด่าน ตม. สะพานมิตรภาพไทย-ลาว ราคา 40 บาท
          ขั้นที่ 3 ซื้อตั๋วข้ามด่านที่ ตม. คนละ 16 บาท (4,000 กีบ) ซึ่งด่านเปิดช่วงเวลา 06.00 น.- 20.00 น.
          ขั้นที่ 4 เมื่อถึงเขตแดนลาวจะมีรถรับจ้างไปหลวงพระบางราคาประมาณ 100 บาท (26,000 กีบ)
       
          หลังจากนี้เราสามารถเดินหรือเช่าจักรยานมายังวัดเชียงทองแห่งนี้ได้ เพราะวัดอยู่ใกล้แม่น้ำโขงใจกลางเมืองหลวงพระบางเลยค่ะ

จบลงไปแล้วกับอีกสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจอีกที่หนึ่ง ที่มีทั้งประวัติศาสตร์ความเป็นมาที่น่าสนใจ มีศิลปะการตกแต่งแบบล้านช้างที่สวยงามที่สุดในดินแดนลาว อีกทั้งยังได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศวิถีชีวิตของผู้คนในหลวงพระบางแห่งนี้อีกด้วย ควรค่าแก่การมาสักครั้งในชีวิตจริงๆค่ะ และสถานที่ต่อไปที่ฝนจะนำมาให้ทุกคนได้รู้จักจะเป็นที่ไหนนั้น ฝากติดตามด้วยนะคะ  

ขอขอบคุณข้อมูล
อ้างอิง

บริษัท อุ้มรักทัวร์ จำกัด. (2561). วัดเชียงทอง. สืบค้นเมื่อ 4 ตุลาคม 2561. จากhttp://www.aumlucktour.com/sub2content.asp?id=16151

ปิ่น บุตรี. (2558). ห้ามพลาด!!!...5 ไฮไลท์ไหว้พระเมืองมรดกโลก "หลวงพระบาง". สืบค้นเมื่อ 3 ตุลาคม 2561. จากhttps://m.mgronline.com/travel/app-detail/9580000111923

รศ.ดร.เชษฐ์ ติงสัญชลี. (ม.ป.ป). ช่อฟ้าวัดเชียงทอง. สืบค้นเมื่อวันที่ 4 ตุลาคม 2561. จากhttp://www.sac.or.th/databases/seaarts/th/architectureth/ลาว/item/248-ช่อฟ้าวัดเชียงทอง.html

วิกิพีเดีย สาราณุกรมเสรี. (2561). วัดเชียงทอง. สืบค้นเมื่อ 4 ตุลาคม 2561. จากhttps://th.wikipedia.org/wiki/วัดเชียงทอง

Thaifootprint. (2560). วัดเชียงทอง ประดิษฐานพระม่าน-หลวงพระบาง. สืบค้นเมื่อ 4 ตุลาคม 2561. จากhttp://thaifootprint.com/2017/01/31/วัดเชียงทอง-ประดิษฐานพร/

Louangprabang. (ม.ป.ป). วัดเชียงทองราชะวรวิหาร,หลวงพระบาง. สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม 2561. จาก http://www.louangprabang.net/content.asp?id=89

Louangprabang. (ม.ป.ป). การเดินทางโดยรถโดยสาร,หลวงพระบาง. สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม 2561. จากhttp://www.louangprabang.net/content.asp?id=127

Oknation(ชายสามหยด). (2557). ตักบาตรข้าวเหนียว...หลวงพระบาง. สืบค้นเมื่อ 5 ตุลาคม 2561. จากhttp://oknation.nationtv.tv/blog/chartsiam/2014/08/19/entry-1