Friday, August 31, 2018

พุทธสถานแห่งสวรรค์ "บุโรพุทโธ" (Borobodur)







                กลับมาพบกันอีกแล้วนะคะสำหรับบล็อกที่สามของฝน ซึ่งครั้งนี้ฝนก็นำสถานที่ที่ฝนเองรู้สึกสนใจ จากการที่ได้ไปเรียนกับอาจารย์ท่านหนึ่งที่สอนเกี่ยวกับศาสนาพุทธนิกายมหายานและได้มีโอกาศฟังเรื่องราวประวัติความเป็นมาต่างๆ ทำให้รู้สึกถึงความงดงามและยิ่งใหญ่ของสถานที่แห่งนี้ ถือเป็นวิหารแห่งสวรรค์เลยก็ว่าได้ สงสัยกันแล้วใช่ไหมคะว่าสถานที่ที่กำลังพูดถึงนี้เป็นที่ไหน แอบใบ้ให้นิดนึงแล้วกันค่ะว่าอยู่ที่ ประเทศอินโดนีเซีย!!! ประเทศเพื่อนบ้านในกลุ่มอาเซียนเรานี่เอง
               
                 และเมื่อพูดถึงประเทศอินโดนีเซียทำให้รู้สึกเหมือนยืนอยู่กลางเกาะกันเลยทีเดียว!! แล้วทำไมฝนถึงรู้สึกอย่างนั้นใช่ไหมคะ ก็เพราะว่าประเทศอินโดนีเซียนั้นเป็นประเทศหมู่เกาะขนาดใหญ่ที่สุดในโลกนั่นเอง!!! มีพื้นที่รวมทั้งหมดประมาณ 1,826,440 ตารางกิโลเมตร แต่ประกอบด้วยหมู่เกาะในประเทศถึง 17,000 เกาะ เยอะมากๆเลยใช่ไหมคะ แต่!! อย่ามัวแต่ตกตลึงกับเกาะในประเทศอินโดนีเซียกันอย่างเดียวนะคะ กลับมาที่สถานที่ท่องเที่ยวของเรากันในวันนี้ ซึ่งถึงแม้อินโดนีเซียจะมีเกาะมากมายแต่ก็ใช่ว่าสถานที่ท่องเที่ยวจะมีแต่ทะเลนะคะ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญอีกไม่น้อยเลยทีเดียว เอาล่ะค่ะไม่พูดพร่ำทำเพลงกันมากมาย จะเป็นที่ไหนนั้น ไปดูกันเลยยย


        บุโรพุทโธ หรือ โบโรบูดูร์ (Borobodur) วิหารแห่งสวรรค์ เป็นหนึ่งในเจ็ดสิ่งมหัศจรรย์ของโลกได้รับขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัย สามัญครั้งที่ 15 ภายใต้ชื่อ "กลุ่มวัดบรมพุทโธ" เมื่อปี พ.ศ. 2534 โดยตั้งอยู่ที่เกาะชวาของประเทศอินโดนีเซีย เป็นวัดในพระพุทธศาสนาที่ใหญ่ที่สุด สร้างด้วยหินภูเขาไฟประมาณ 2 ล้านตารางฟุต อยู่บนฐาน 4 เหลี่ยมจำนวน 6 ชั้น ล้อมรอบฐานวงกลมด้านบนจำนวน 3 ชั้น และมีสถูปที่เป็นองค์ประธานที่อยู่ชั้นบนสุดอีก1ชั้น รวมเป็น 10 ชั้น มีภาพสลักเล่าเรื่องราวและตกแต่งจำนวน 2,672 ภาพ และมีพระพุทธรูปในซุ้มเหนือฐานห้าชั้นมีทั้งหมด 432 องค์ ถ้าหากนับรวมพระพุทธรูปในเจดีย์อีก 72 องค์ จะมีจำนวนทั้งสิ้น 504 องค์ ซึ่งเยอะมากๆและด้วยความสวยงามและยิ่งใหญ่เป็นดังสวรรค์บนดิน จึงทำให้ใครหลายๆคนอยากที่จะมาท่องเที่ยวชมความงามของพุทธสถานแห่งนี้อย่างมากโดยเฉพาะพุทธศาสนิกชน 



ที่มา:https://9kant.wordpress.com/2014/04/03/027/
ประวัติความเป็นมา บุโรพุทโธ สร้างโดยกษัตริย์แห่งราชวงศ์ไศเลนทราแห่งชวาโดยสร้างขึ้นจากแรงศรัทธาที่มีต่อพระพุทธเจ้า และเนื่องมาจากในสมัยนั้นหมู่เกาะต่าง ๆ ของอินโดนีเซียมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับประเทศอินเดียทั้งในด้านของการค้าและด้านวัฒนธรรม จึงทำให้ได้รับอิทธิพลทางด้านความเชื่อของศาสนาฮินดูและศาสนาพุทธเป็นอย่างมาก แต่พระองค์เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา อีกทั้งประชาชนชาวศรีวิชัยส่วนใหญ่ก็นับถือพุทธศาสนานิกายมหายานจึงทำให้เกาะชวาเป็นศูนย์กลางพุทธศาสนาอันยิ่งใหญ่ของศาสนาพุทธนิกายมหายานนั่นเองค่ะ
         
ที่มา:https://www.planetworldwide.com/news/บุโรพุทโธ-1976.html
                โดยเริ่มมีการก่อสร้างเมื่อปี ค.ศ.775 ถึง ค.ศ.847 ใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างนานถึง 70 ปี ความงามอันมหัศจรรย์ของบุโรพุทโธมีความเป็นเอกลักษณ์เป็นของตนเอง ซึ่งเกิดจากความคิดสร้างสรรค์ผลงานศิลปะของผู้คนและช่างสมัยนั้น ซึ่งสร้างตามแบบศิลปะของฮินดู-ชวา หรือศิลปะของชาวภาคกลางที่นำมารวมกันระหว่างอินเดียและอินโดนีเซียเข้าไว้ด้วยกันอย่างกลมกลืนเกิดเป็นความยิ่งใหญ่ของวัดบุโรพุทโธ

ที่มา:https://www.planetworldwide.com/news/บุโรพุทโธ-1976.html


บุโรพุทโธเคยถูกทิ้งร้างเป็นป่ารกมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 19  และประสบกับภัยธรรมชาติคือ น้ำท่วม และแผ่นดินไหว จนทำให้จมอยู่ใต้เถ้าถ่านของภูเขาไฟ ส่งผลให้โบราณสถานทรุดตัว

ที่มา:https://www.youtube.com/watch?v=0ik8-ag0iNI

ต่อมาก็เริ่มเห็นความสำคัญและถูกบูรณะขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ.1855 และสามารถเริ่มเปิดให้ผู้คนทั่วโลกเข้ามาเยี่ยมชมได้
ที่มา:https://www.hashcorner.com/travel/บุโรพุทโธ-ปรัมบานัน/attachment/review-indonesia-prambanan-borobudur-22/

                แต่!! ไม่ได้เข้าชมกันฟรีๆนะคะ จะมีการเก็บค่าเข้าชมในแต่ละรอบ ซึ่งหากเข้าชมในเวลาปกติจะอยู่ที่ประมาณ 500-600 บาท แต่ถ้าเข้าชมในช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้น-ตก จะอยู่ที่ประมาณ 700 บาทค่ะ 





                หากมีโอกาสไปพุทธสถานแห่งนี้ในวันวิสาชบูชาจะเป็นสิ่งที่ดีมาก เพราะจะมีพระสงฆ์และนักแสวงบุญทั่วสารทิศมาแสวงบุญโดยการเดินทักษิณาวัตร(การเดินเวียนขวา)ตั้งแต่ประตูใหญ่ด้านทิศตะวันออกซึ่งกว่าจะถึงยอดก็รวมระยะทางกว่า 5 กิโลเมตร นับเป็นภาพที่งดงามน่าประทับใจสำหรับศาสนิกชนชาวพุทธจริงๆ


ที่มา:https://www.bloggang.com/mainblog.php?id=wildbirds&month=24-09-2007&group=4&gblog=1
          ด้วยเหตุนี้เองบุโรพุทโธจึงได้รับความสนใจและเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมมากในปัจจุบัน ยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะคะ ยังมีความเชื่อเกี่ยวกับบุโรพุทโธแห่งนี้อีกว่า บุโรพุทโธนั้นสามารถแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ดังนี้
1.กามธาตุ เป็นชั้นต่ำสุด เป็นโลกแห่งความปรารถนาหรือกิเลส
2.รูปธาตุ เป็นชั้นกลาง เป็นโลกที่สามารถความคุมความปรารถนาได้บ้าง แต่ยังติดอยู่ในกิเลส
3.อรูปธาตุ เป็นชั้นสูงสุด เป็นโลกของการหลุดพ้นไม่ยึดติดในรูปธรรม


            เป็นยังไงกันบ้างคะกับสถานที่ท่องเที่ยวที่ฝนนำมาฝากในวันนี้ งดงามและยิ่งใหญ่มากเลยใช่ไหมคะ นอกจากจะได้สัมผัสกับกลิ่นอายของพุทธศาสนาและสถาปัตยกรรมที่น่าทึ่งของคนสมัยนั้น ยังได้เรียนรู้ถึงประวัติศาสตร์ที่สำคัญของประเทศอินโดนีเซียอีกด้วย เป็นสถานที่ท่องเที่ยวอีกที่หนึ่งที่ควรค่าแก่การมาสักครั้งในชีวิตจริงๆค่ะ


และสถานท่องเที่ยวต่อไปที่ฝนจะนำมามาฝากทุกคนจะเป็นที่ไหนนั้นฝากติดตามด้วยนะคะ 



ขอขอบคุณข้อมูล
อ้างอิง

ข้อมูลแหล่งท่องเที่ยว บุโรพุทโธ (Borobodur). (2561). Tripdeedee.  สืบค้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2561. จาก http://www.tripdeedee.com/traveldata/bali/bali15.php

“บุโรพุทโธ” พุทธสถานศูนย์กลางพุทธศาสนาอันยิ่งใหญ่ที่เจริญรุ่งเรืองในยุคของอาณาจักรศรีวิชัย. (2560). WINNEW. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2561. จาก https://www.winnews.tv/news/12498 

โบโรบูดูร์. (2561). วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2561. จาก https://th.wikipedia.org/wiki/โบโรบูดูร์

ประเทศอินโดนีเซีย. (2561). วิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2561. จาก https://th.wikipedia.org/wiki/ประเทศอินโดนีเซีย#ภูมิศาสตร์

เปิดเส้นทางแห่งศรัทธา เหินฟ้าสู่ "บุโรพุทโธ". (2552) . ไทยรัฐออนไลน์. สืบค้นเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2561. จาก https://www.thairath.co.th/content/45177

มหาพุทธสถานบุโรพุทโธ (Borobodur Temple). planet worldwide service. สืบค้นเมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2561. จาก https://www.planetworldwide.com/news/บุโรพุทโธ-1976.html




1 comment:

  1. น่าไปดูสักครั้งในชีวิต

    ReplyDelete